งานประชุมธุรกิจไทย 2568: เคล็ดลับปลดล็อกโอกาสทอง สร้างเครือข่ายให้เหนือกว่า

webmaster

태국의 비즈니스 컨퍼런스 - A bustling, futuristic MICE (Meetings, Incentives, Conferences, and Exhibitions) event in a sleek, m...

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวบล็อกที่รักการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองทุกคน! ช่วงนี้ฉันเองก็รู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศทางธุรกิจในบ้านเราคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะงานประชุมและสัมมนาต่างๆ ที่จัดขึ้นแทบทุกสัปดาห์ บอกเลยว่าประเทศไทยกลายเป็นฮับของงาน MICE ที่น่าจับตามองสุดๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ สร้างคอนเนกชัน หรืออัปเดตเทรนด์ที่กำลังมาแรงในโลกธุรกิจ ฉันสัมผัสได้ว่างานเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่การนั่งฟังบรรยายเฉยๆ อีกต่อไปแล้วนะ!

จากที่ฉันได้ลองไปร่วมงานต่างๆ มาเยอะมากในช่วงที่ผ่านมา เทรนด์ที่มาแรงจริงๆ คือการผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามา เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ทั้งสะดวกสบายและน่าประทับใจ รวมถึงเรื่องความยั่งยืนที่ทุกองค์กรให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย นี่คือโอกาสดีที่เราจะได้เห็นอนาคตของธุรกิจไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง แม้เศรษฐกิจจะมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่งานเหล่านี้แหละค่ะที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญจริงๆ มาร่วมค้นหาเคล็ดลับและแรงบันดาลใจใหม่ๆ ไปด้วยกันเลยค่ะ!

เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาดูกันชัดๆ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง!

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวบล็อกที่รักการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองทุกคน! ช่วงนี้ฉันเองก็รู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศทางธุรกิจในบ้านเราคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะงานประชุมและสัมมนาต่างๆ ที่จัดขึ้นแทบทุกสัปดาห์ บอกเลยว่าประเทศไทยกลายเป็นฮับของงาน MICE ที่น่าจับตามองสุดๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ สร้างคอนเนกชัน หรืออัปเดตเทรนด์ที่กำลังมาแรงในโลกธุรกิจ ฉันสัมผัสได้ว่างานเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่การนั่งฟังบรรยายเฉยๆ อีกต่อไปแล้วนะ!

จากที่ฉันได้ลองไปร่วมงานต่างๆ มาเยอะมากในช่วงที่ผ่านมา เทรนด์ที่มาแรงจริงๆ คือการผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามา เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ทั้งสะดวกสบายและน่าประทับใจ รวมถึงเรื่องความยั่งยืนที่ทุกองค์กรให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย นี่คือโอกาสดีที่เราจะได้เห็นอนาคตของธุรกิจไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง แม้เศรษฐกิจจะมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่งานเหล่านี้แหละค่ะที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญจริงๆ มาร่วมค้นหาเคล็ดลับและแรงบันดาลใจใหม่ๆ ไปด้วยกันเลยค่ะ!

เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาดูกันชัดๆ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง!

เทคโนโลยีขับเคลื่อนประสบการณ์ใหม่ในงานสัมมนา

태국의 비즈니스 컨퍼런스 - A bustling, futuristic MICE (Meetings, Incentives, Conferences, and Exhibitions) event in a sleek, m...

สัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงและ AI ในทุกกิจกรรม

เพื่อนๆ คะ ลองนึกภาพตามฉันนะว่าจากเดิมที่เราไปงานสัมมนา ก็แค่ไปนั่งฟังบรรยาย จดโน้ตกันไป แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปเยอะมากเลยค่ะ! ฉันเองรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทในงานอีเวนต์ต่างๆ ในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น Virtual Reality (VR) หรือ Augmented Reality (AR) ที่ทำให้เราได้ลองสัมผัสสินค้าหรือบริการในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างงานใหญ่ๆ บางงานที่เราไป ได้ลองสวมแว่น VR แล้วเดินชมบูธเสมือนจริง หรือได้เห็นพรีเซนเทชันที่ใช้ AR มาช่วยให้ข้อมูลมันมีชีวิตชีวาขึ้นมาตรงหน้าเลย มันว้าวมากจริงๆ นะคะ!

นอกจากนี้ AI ก็ไม่ได้มาแค่ในรูปแบบของ Chatbot ตอบคำถามธรรมดาๆ อีกแล้วนะ แต่เข้ามาช่วยวิเคราะห์ความสนใจของเรา เพื่อแนะนำเซสชันหรือผู้เข้าร่วมที่เราน่าจะอยากเจอ ทำให้การสร้างคอนเนกชันมันมีประสิทธิภาพกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ ฉันรู้สึกว่ามันช่วยประหยัดเวลาและทำให้เราได้ประโยชน์จากการเข้าร่วมงานแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ

การลงทะเบียนที่ง่ายดายและระบบเครือข่ายอัจฉริยะ

อีกเรื่องที่ฉันประทับใจมากๆ เลยก็คือความง่ายดายในการลงทะเบียนเข้างานค่ะ! จำได้ไหมว่าเมื่อก่อนต้องต่อคิวยาวๆ กรอกเอกสารวุ่นวาย แต่เดี๋ยวนี้ระบบมันอัจฉริยะขึ้นมากเลยนะ แค่สแกน QR Code ไม่กี่วิก็เดินเข้างานได้เลย บางงานมีแอปพลิเคชันสำหรับงานโดยเฉพาะ ที่เราสามารถดูตารางกิจกรรม ลิงก์ไปหาข้อมูลวิทยากร หรือแม้แต่ตั้งเวลาแจ้งเตือนเซสชันที่เราสนใจได้ด้วยตัวเอง ฉันเคยเจองานหนึ่งที่แอปฯ สามารถจับคู่ให้เราเจอคนที่ความสนใจคล้ายกันได้ด้วยนะ พอได้ลองใช้เองแล้วรู้สึกว่ามันช่วยให้การสร้างเครือข่ายเป็นเรื่องที่สนุกและไม่เคอะเขินอีกต่อไป แถมยังได้แลกเปลี่ยนนามบัตรดิจิทัลกันแบบง่ายๆ ไม่ต้องพกบัตรเยอะแยะอีกด้วยล่ะค่ะ นี่แหละที่เขาเรียกว่ายุคที่เทคโนโลยีมาช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นทุกทางจริงๆ

ความยั่งยืน: หัวใจสำคัญที่ทุกองค์กรให้ความใส่ใจ

Advertisement

ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยแนวคิดรักษ์โลก

เดี๋ยวนี้เรื่องรักษ์โลกไม่ใช่แค่เทรนด์แฟชั่นอีกต่อไปแล้วนะเพื่อนๆ แต่เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรและทุกคนต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจังเลยค่ะ ในงานสัมมนาหลายๆ งานที่ฉันไปร่วมมา ฉันสังเกตเห็นเลยว่าผู้จัดงานให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง การเลือกใช้วัสดุรีไซเคิล หรือแม้แต่การจัดหาน้ำดื่มจากตู้กดแทนขวดพลาสติกเล็กๆ ฉันเคยเจอผู้จัดที่แนะนำให้เรานำแก้วน้ำส่วนตัวมาเองเพื่อลดขยะด้วย ซึ่งฉันก็รู้สึกดีมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการรักษ์โลก ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่มันก็สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้จริงๆ ค่ะ การได้เห็นความตั้งใจแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าเราทุกคนกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพื่ออนาคตของโลกเราใบนี้

ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนอย่างยั่งยืน

นอกจากเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว อีกมุมหนึ่งที่ฉันชอบมากเกี่ยวกับแนวคิดความยั่งยืนในงาน MICE คือการที่เขาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจและชุมชนท้องถิ่นค่ะ หลายๆ งานมีการเลือกใช้บริการจัดเลี้ยงจากผู้ประกอบการในท้องถิ่น หรือนำสินค้าหัตถกรรมจากชุมชนมาเป็นของที่ระลึกให้กับผู้เข้าร่วมงาน ฉันเคยได้ของที่ระลึกเป็นผลิตภัณฑ์สปาจากสมุนไพรไทยแท้ๆ ที่ทำโดยกลุ่มแม่บ้านในชุมชน รู้สึกประทับใจมากเลยนะคะ เพราะนอกจากจะได้ของดีมีคุณภาพแล้ว ยังได้ช่วยอุดหนุนและกระจายรายได้ไปสู่คนในท้องถิ่นด้วย มันไม่ใช่แค่การจัดงานเพื่อธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างคุณค่าและแบ่งปันโอกาสให้คนในสังคมได้เติบโตไปด้วยกันอีกต่างหาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกว่าควรค่าแก่การสนับสนุนจริงๆ

การสร้างเครือข่ายแบบไร้รอยต่อกับคนหลากหลาย

พลังของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เชื่อมโยงผู้คน

สมัยนี้การสร้างคอนเนกชันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การแลกนามบัตรกระดาษอีกต่อไปแล้วนะเพื่อนๆ! ฉันเองก็ได้สัมผัสถึงพลังของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยให้เราเชื่อมโยงกับผู้คนได้ง่ายขึ้นเยอะเลย หลายๆ งานมีแอปพลิเคชันเฉพาะกิจที่ให้เราสร้างโปรไฟล์ส่วนตัว ใส่ความสนใจ และค้นหาผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ที่มีเป้าหมายคล้ายๆ กัน ฉันเคยลองใช้แล้วรู้สึกว่ามันช่วยเปิดประตูสู่การพูดคุยกับคนที่อาจจะไม่กล้าเดินเข้าไปหาตรงๆ ในงาน การส่งข้อความทักทายง่ายๆ ผ่านแอปฯ ทำให้การเริ่มต้นสนทนาเป็นเรื่องสบายๆ มากขึ้นเยอะเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการหาเพื่อนร่วมงานในอนาคต พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ หรือแม้แต่การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญจากต่างสาขา มันเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ขยายวงสังคมและความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้กว้างขวางออกไปแบบไร้ข้อจำกัดจริงๆ

เคล็ดลับสร้างคอนเนกชันที่ได้ประโยชน์จริง

จากประสบการณ์ตรงของฉันเอง สิ่งสำคัญในการสร้างคอนเนกชันที่ได้ประโยชน์จริง ไม่ใช่แค่การสะสมจำนวนนามบัตรนะ แต่เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพต่างหากล่ะ!

เคล็ดลับง่ายๆ ที่ฉันใช้เสมอคือการตั้งใจฟังเมื่อคู่สนทนาพูด ถามคำถามที่แสดงความสนใจในสิ่งที่เขาทำ และพยายามหาจุดร่วมหรือโอกาสในการช่วยเหลือกันและกัน ฉันเคยเจอคนที่ได้คุยกันสั้นๆ ในงาน แต่หลังจากนั้นเราก็มีการติดต่อพูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียกันต่อเนื่อง จนนำไปสู่โปรเจกต์ดีๆ ด้วยกันมาแล้ว มันแสดงให้เห็นว่าการสร้างความสัมพันธ์ที่จริงใจและมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้จากกันและกันนั้นสำคัญแค่ไหน อย่าลืมติดตามผลหลังงานด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการส่งอีเมลขอบคุณ หรือนัดหมายเพื่อพูดคุยเพิ่มเติม แค่นี้ก็ทำให้คอนเนกชันของเรามีค่ามากขึ้นเยอะเลยค่ะ

แนวโน้มอุตสาหกรรม MICE ไทยที่เติบโตไม่หยุด

Advertisement

แหล่งท่องเที่ยวและศูนย์ประชุมที่ได้มาตรฐานระดับโลก

ในฐานะคนไทย ฉันรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เห็นอุตสาหกรรม MICE ของบ้านเราเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมานะคะ ประเทศไทยเรามีศักยภาพที่โดดเด่นมากๆ ในการเป็นศูนย์กลางการจัดงานระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่จัดงานที่หลากหลาย ตั้งแต่ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ทันสมัย ไปจนถึงโรงแรมหรูหราที่มีห้องจัดเลี้ยงพร้อมสรรพ แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ให้ผู้เข้าร่วมงานได้พักผ่อนหย่อนใจหลังเลิกงานอีกด้วยค่ะ ฉันเองเคยพาทาร์ทเนอร์ต่างชาติไปเที่ยวหลังจบงาน เขาก็ประทับใจกับวัฒนธรรม อาหาร และการบริการที่เป็นมิตรมากๆ เลยนะ นี่แหละคือเสน่ห์ของไทยที่ดึงดูดนักธุรกิจและนักเดินทางจากทั่วโลกได้อยู่หมัด และทำให้ฉันเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรม MICE ของเราจะยังคงเป็นดาวเด่นในเวทีโลกต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ

โอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพไทย

ฉันมองว่าการเติบโตของอุตสาหกรรม MICE ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของโรงแรมหรือศูนย์ประชุมเท่านั้นนะ แต่ยังเป็นโอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย สตาร์ทอัพ และธุรกิจท้องถิ่นอีกมากมายเลยค่ะ เพราะเมื่อมีงานใหญ่ๆ เข้ามา ก็จะมีการใช้จ่ายที่หมุนเวียนไปในภาคส่วนต่างๆ ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม การเดินทาง ของที่ระลึก และบริการอื่นๆ อีกเพียบ ฉันเคยไปออกบูธในงานหนึ่ง แล้วก็ได้เจอสตาร์ทอัพไทยหลายรายที่ได้โอกาสนำเสนอสินค้าและบริการของตัวเองให้กับลูกค้าต่างชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในช่องทางปกติ ฉันรู้สึกดีใจแทนพวกเขาจริงๆ ที่ได้มีเวทีแสดงศักยภาพ และมีโอกาสขยายธุรกิจออกไปได้ไกลกว่าเดิม นี่คืออีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในประเทศเราอย่างต่อเนื่องเลยค่ะ

การนำเสนอเนื้อหาที่น่าสนใจและตอบโจทย์ธุรกิจปัจจุบัน

หัวข้อที่กำลังมาแรงและผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ

สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าการไปร่วมงานสัมมนาในยุคนี้คุ้มค่าสุดๆ ก็คือเนื้อหาที่เข้มข้นและตรงประเด็นกับความต้องการของโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วค่ะ ผู้จัดงานส่วนใหญ่จะพยายามคัดเลือกหัวข้อที่กำลังเป็นที่สนใจ หรือกำลังเป็นเทรนด์ที่ทุกคนต้องรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Digital Transformation, AI Ethics, Green Economy หรือแม้กระทั่งเรื่องของ Well-being ในองค์กร ฉันเคยได้ฟังบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศหลายท่านที่มาให้มุมมองใหม่ๆ จนฉันรู้สึกว่าได้เปิดโลกทัศน์และมีแรงบันดาลใจกลับไปพัฒนางานของตัวเองอยู่เสมอ การได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและความรู้ที่อัปเดตแบบเรียลไทม์จากผู้ที่อยู่ในวงการจริงๆ มันมีค่ามากกว่าการอ่านจากตำราไหนๆ เลยนะคะ ยิ่งไปกว่านั้นการได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับวิทยากรหลังจบเซสชันก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ และฉันเองก็มักจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์เสมอ

เวิร์กช็อปและกิจกรรมที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง

สิ่งที่ฉันรู้สึกว่าแตกต่างจากเมื่อก่อนมากๆ คือการที่งานสัมมนาไม่ได้มีแค่การนั่งฟังบรรยายอย่างเดียวแล้วค่ะ แต่มีการเพิ่มเวิร์กช็อปหรือกิจกรรมที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริงเข้ามาให้เราได้ทดลองทำ ฉันจำได้ว่าเคยเข้าร่วมเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการสร้างคอนเทนต์ดิจิทัล ที่ได้ลองใช้เครื่องมือใหม่ๆ และได้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญแบบใกล้ชิด มันทำให้ฉันเข้าใจหลักการและนำไปปรับใช้กับบล็อกของฉันได้จริงๆ การได้ลงมือทำเองมันทำให้ความรู้มันฝังแน่นกว่าแค่การฟังเยอะเลยนะคะ แถมยังได้มีโอกาสทำงานร่วมกับผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนไอเดียและมุมมองที่หลากหลาย ฉันว่านี่แหละคือการเรียนรู้ที่สนุกและได้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจริงๆ มันช่วยให้เราไม่รู้สึกเบื่อและได้ประโยชน์จากการเข้าร่วมงานแบบเต็มที่ ไม่ใช่แค่ได้ความรู้ แต่ยังได้ทักษะใหม่ๆ ติดตัวกลับไปด้วย

เมื่อธุรกิจไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่คือการร่วมมือกัน

สร้างโอกาสใหม่ๆ ผ่านการผนึกกำลัง

หลายครั้งที่ฉันได้เข้าร่วมงานประชุมสัมมนา ฉันมักจะเห็นภาพของการร่วมมือกันมากกว่าการแข่งขันอย่างดุเดือดเหมือนเมื่อก่อนนะคะ มันเหมือนกับว่าผู้ประกอบการหรือบริษัทต่างๆ เริ่มมองเห็นแล้วว่าการผนึกกำลังกันจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ที่ดีกว่าการต่างคนต่างทำ ฉันเคยเห็นสองบริษัทที่เป็นคู่แข่งกันในตลาด แต่กลับมาเปิดบูธข้างกันในงาน และแลกเปลี่ยนข้อมูลบางอย่างที่สามารถช่วยกันพัฒนานวัตกรรมได้ มันทำให้ฉันคิดว่าโลกธุรกิจในวันนี้เปิดกว้างและยืดหยุ่นกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ การที่ได้เห็นผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการมาพูดคุยแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์กันอย่างเปิดอกในงานต่างๆ มันเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันเชื่อว่าเราทุกคนสามารถเติบโตไปพร้อมกันได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเหยียบย่ำกัน สิ่งนี้แหละที่สร้างบรรยากาศที่ดีและกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อยู่เสมอ

Case Study: การร่วมมือที่ประสบความสำเร็จในไทย

โครงการ/งาน หน่วยงานที่ร่วมมือ ผลลัพธ์ที่โดดเด่น
Thailand MICE Week TCEB (สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ), สมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สร้างแพลตฟอร์มสำหรับผู้ประกอบการ MICE ในการแลกเปลี่ยนความรู้และจับคู่ธุรกิจ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ
Smart City Expo Thailand DEPA (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล), บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ, เมืองต่างๆ นำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชั่นเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะ สร้างโอกาสทางธุรกิจและลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
งานแสดงสินค้าเกษตรและอาหารนานาชาติ กระทรวงเกษตรฯ, สภาหอการค้า, ผู้ประกอบการ SMEs ส่งเสริมสินค้าเกษตรและอาหารไทยสู่ตลาดโลก สร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างผู้ผลิตและผู้ซื้อจากต่างประเทศ เพิ่มมูลค่าการส่งออก
Advertisement

อย่างที่เห็นจากตารางด้านบนเลยนะคะว่าการร่วมมือกันมันนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ฉันรู้สึกว่าประเทศไทยเรามีศักยภาพและมีตัวอย่างการผนึกกำลังที่ประสบความสำเร็จมากมาย การได้เห็นตัวอย่างเหล่านี้ทำให้ฉันมีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และมองหาโอกาสในการร่วมมือกับคนอื่นๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ การทำงานร่วมกันย่อมนำมาซึ่งประโยชน์ที่มากกว่าผลรวมของแต่ละส่วนเสมอค่ะ

เคล็ดลับคว้าประโยชน์สูงสุดจากงาน MICE ที่คุณห้ามพลาด!

วางแผนก่อนไป: ทำไมถึงสำคัญกว่าที่คิด?

เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่าการวางแผนก่อนไปร่วมงาน MICE นี่สำคัญมากๆ เลยนะ! ฉันเองเคยพลาดมาแล้วกับการเดินดุ่มๆ เข้างานโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ผลคือเดินวนไปมา เสียเวลาไปเปล่าๆ แถมไม่ได้อะไรกลับมาเลยค่ะ แต่พอฉันเริ่มวางแผนอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการดูตารางงานล่วงหน้า เลือกเซสชันที่สนใจเป็นพิเศษ ดูรายชื่อวิทยากรหรือบริษัทที่จะมาออกบูธ รวมถึงการตั้งเป้าหมายว่าอยากได้คอนเนกชันแบบไหนหรืออยากเรียนรู้อะไรเป็นพิเศษ มันทำให้การไปงานของฉันมีประสิทธิภาพขึ้นเป็นกองเลยค่ะ!

ฉันจะลิสต์ออกมาเลยว่าอยากเจอใครบ้าง อยากคุยเรื่องอะไร แล้วก็ทำนัดล่วงหน้า ถ้าทำได้นะ พอไปถึงงานจริงๆ เราก็จะตรงไปที่เป้าหมายได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก ฉันว่านี่แหละคือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้เราคว้าประโยชน์จากงานเหล่านี้ได้เต็มที่ที่สุด!

การติดตามผลหลังงาน: ต่อยอดคอนเนกชันและโอกาส

และสิ่งสุดท้ายที่ฉันอยากจะเน้นย้ำมากๆ เลยก็คือ การติดตามผลหลังงานค่ะ! หลายคนอาจจะคิดว่าจบงานแล้วก็จบกันไป แต่สำหรับฉันแล้ว นี่คือจุดเริ่มต้นของการต่อยอดโอกาสเลยนะ หลังเลิกงาน ฉันจะรีบส่งอีเมลขอบคุณคนที่ได้คุยด้วย หรือส่งข้อความผ่าน LinkedIn เพื่อเชื่อมต่อกันและทบทวนประเด็นที่ได้พูดคุยกันไป บางครั้งเราอาจจะนัดหมายเพื่อพูดคุยต่อยอดธุรกิจในโอกาสต่อไป การทำแบบนี้มันแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและความตั้งใจของเราค่ะ ฉันเคยได้รับงานจากคอนเนกชันที่สร้างไว้ในงานสัมมนามาแล้วก็หลายครั้งเลยนะ หรือได้แลกเปลี่ยนไอเดียที่ช่วยให้บล็อกของฉันเติบโตขึ้นได้อีกเยอะ การที่เราใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ จะช่วยเปลี่ยน “คนรู้จัก” ให้กลายเป็น “พันธมิตรทางธุรกิจ” ที่มีค่าของเราได้ในระยะยาวเลยค่ะ เชื่อฉันสิว่าการลงทุนลงแรงกับการติดตามผลนี้คุ้มค่าเกินกว่าที่คิดแน่นอน!

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวบล็อกที่รักการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองทุกคน! ช่วงนี้ฉันเองก็รู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศทางธุรกิจในบ้านเราคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะงานประชุมและสัมมนาต่างๆ ที่จัดขึ้นแทบทุกสัปดาห์ บอกเลยว่าประเทศไทยกลายเป็นฮับของงาน MICE ที่น่าจับตามองสุดๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ สร้างคอนเนกชัน หรืออัปเดตเทรนด์ที่กำลังมาแรงในโลกธุรกิจ ฉันสัมผัสได้ว่างานเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่การนั่งฟังบรรยายเฉยๆ อีกต่อไปแล้วนะ!

จากที่ฉันได้ลองไปร่วมงานต่างๆ มาเยอะมากในช่วงที่ผ่านมา เทรนด์ที่มาแรงจริงๆ คือการผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามา เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ทั้งสะดวกสบายและน่าประทับใจ รวมถึงเรื่องความยั่งยืนที่ทุกองค์กรให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย นี่คือโอกาสดีที่เราจะได้เห็นอนาคตของธุรกิจไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง แม้เศรษฐกิจจะมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่งานเหล่านี้แหละค่ะที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญจริงๆ มาร่วมค้นหาเคล็ดลับและแรงบันดาลใจใหม่ๆ ไปด้วยกันเลยค่ะ!

เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาดูกันชัดๆ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง!

เทคโนโลยีขับเคลื่อนประสบการณ์ใหม่ในงานสัมมนา

สัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงและ AI ในทุกกิจกรรม

เพื่อนๆ คะ ลองนึกภาพตามฉันนะว่าจากเดิมที่เราไปงานสัมมนา ก็แค่ไปนั่งฟังบรรยาย จดโน้ตกันไป แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปเยอะมากเลยค่ะ! ฉันเองรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทในงานอีเวนต์ต่างๆ ในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น Virtual Reality (VR) หรือ Augmented Reality (AR) ที่ทำให้เราได้ลองสัมผัสสินค้าหรือบริการในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างงานใหญ่ๆ บางงานที่เราไป ได้ลองสวมแว่น VR แล้วเดินชมบูธเสมือนจริง หรือได้เห็นพรีเซนเทชันที่ใช้ AR มาช่วยให้ข้อมูลมันมีชีวิตชีวาขึ้นมาตรงหน้าเลย มันว้าวมากจริงๆ นะคะ!

นอกจากนี้ AI ก็ไม่ได้มาแค่ในรูปแบบของ Chatbot ตอบคำถามธรรมดาๆ อีกแล้วนะ แต่เข้ามาช่วยวิเคราะห์ความสนใจของเรา เพื่อแนะนำเซสชันหรือผู้เข้าร่วมที่เราน่าจะอยากเจอ ทำให้การสร้างคอนเนกชันมันมีประสิทธิภาพกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ ฉันรู้สึกว่ามันช่วยประหยัดเวลาและทำให้เราได้ประโยชน์จากการเข้าร่วมงานแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ

การลงทะเบียนที่ง่ายดายและระบบเครือข่ายอัจฉริยะ

태국의 비즈니스 컨퍼런스 - A welcoming and eco-conscious MICE event setting in Thailand, featuring a refreshment and local arti...

อีกเรื่องที่ฉันประทับใจมากๆ เลยก็คือความง่ายดายในการลงทะเบียนเข้างานค่ะ! จำได้ไหมว่าเมื่อก่อนต้องต่อคิวยาวๆ กรอกเอกสารวุ่นวาย แต่เดี๋ยวนี้ระบบมันอัจฉริยะขึ้นมากเลยนะ แค่สแกน QR Code ไม่กี่วิก็เดินเข้างานได้เลย บางงานมีแอปพลิเคชันสำหรับงานโดยเฉพาะ ที่เราสามารถดูตารางกิจกรรม ลิงก์ไปหาข้อมูลวิทยากร หรือแม้แต่ตั้งเวลาแจ้งเตือนเซสชันที่เราสนใจได้ด้วยตัวเอง ฉันเคยเจองานหนึ่งที่แอปฯ สามารถจับคู่ให้เราเจอคนที่ความสนใจคล้ายกันได้ด้วยนะ พอได้ลองใช้เองแล้วรู้สึกว่ามันช่วยให้การสร้างเครือข่ายเป็นเรื่องที่สนุกและไม่เคอะเขินอีกต่อไป แถมยังได้แลกเปลี่ยนนามบัตรดิจิทัลกันแบบง่ายๆ ไม่ต้องพกบัตรเยอะแยะอีกด้วยล่ะค่ะ นี่แหละที่เขาเรียกว่ายุคที่เทคโนโลยีมาช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นทุกทางจริงๆ

Advertisement

ความยั่งยืน: หัวใจสำคัญที่ทุกองค์กรให้ความใส่ใจ

ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยแนวคิดรักษ์โลก

เดี๋ยวนี้เรื่องรักษ์โลกไม่ใช่แค่เทรนด์แฟชั่นอีกต่อไปแล้วนะเพื่อนๆ แต่เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรและทุกคนต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจังเลยค่ะ ในงานสัมมนาหลายๆ งานที่ฉันไปร่วมมา ฉันสังเกตเห็นเลยว่าผู้จัดงานให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง การเลือกใช้วัสดุรีไซเคิล หรือแม้แต่การจัดหาน้ำดื่มจากตู้กดแทนขวดพลาสติกเล็กๆ ฉันเคยเจอผู้จัดที่แนะนำให้เรานำแก้วน้ำส่วนตัวมาเองเพื่อลดขยะด้วย ซึ่งฉันก็รู้สึกดีมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการรักษ์โลก ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่มันก็สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้จริงๆ ค่ะ การได้เห็นความตั้งใจแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าเราทุกคนกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพื่ออนาคตของโลกเราใบนี้

ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนอย่างยั่งยืน

นอกจากเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว อีกมุมหนึ่งที่ฉันชอบมากเกี่ยวกับแนวคิดความยั่งยืนในงาน MICE คือการที่เขาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจและชุมชนท้องถิ่นค่ะ หลายๆ งานมีการเลือกใช้บริการจัดเลี้ยงจากผู้ประกอบการในท้องถิ่น หรือนำสินค้าหัตถกรรมจากชุมชนมาเป็นของที่ระลึกให้กับผู้เข้าร่วมงาน ฉันเคยได้ของที่ระลึกเป็นผลิตภัณฑ์สปาจากสมุนไพรไทยแท้ๆ ที่ทำโดยกลุ่มแม่บ้านในชุมชน รู้สึกประทับใจมากเลยนะคะ เพราะนอกจากจะได้ของดีมีคุณภาพแล้ว ยังได้ช่วยอุดหนุนและกระจายรายได้ไปสู่คนในท้องถิ่นด้วย มันไม่ใช่แค่การจัดงานเพื่อธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างคุณค่าและแบ่งปันโอกาสให้คนในสังคมได้เติบโตไปด้วยกันอีกต่างหาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกว่าควรค่าแก่การสนับสนุนจริงๆ

การสร้างเครือข่ายแบบไร้รอยต่อกับคนหลากหลาย

พลังของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เชื่อมโยงผู้คน

สมัยนี้การสร้างคอนเนกชันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การแลกนามบัตรกระดาษอีกต่อไปแล้วนะเพื่อนๆ! ฉันเองก็ได้สัมผัสถึงพลังของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยให้เราเชื่อมโยงกับผู้คนได้ง่ายขึ้นเยอะเลย หลายๆ งานมีแอปพลิเคชันเฉพาะกิจที่ให้เราสร้างโปรไฟล์ส่วนตัว ใส่ความสนใจ และค้นหาผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ที่มีเป้าหมายคล้ายๆ กัน ฉันเคยลองใช้แล้วรู้สึกว่ามันช่วยเปิดประตูสู่การพูดคุยกับคนที่อาจจะไม่กล้าเดินเข้าไปหาตรงๆ ในงาน การส่งข้อความทักทายง่ายๆ ผ่านแอปฯ ทำให้การเริ่มต้นสนทนาเป็นเรื่องสบายๆ มากขึ้นเยอะเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการหาเพื่อนร่วมงานในอนาคต พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ หรือแม้แต่การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญจากต่างสาขา มันเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ขยายวงสังคมและความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้กว้างขวางออกไปแบบไร้ข้อจำกัดจริงๆ

เคล็ดลับสร้างคอนเนกชันที่ได้ประโยชน์จริง

จากประสบการณ์ตรงของฉันเอง สิ่งสำคัญในการสร้างคอนเนกชันที่ได้ประโยชน์จริง ไม่ใช่แค่การสะสมจำนวนนามบัตรนะ แต่เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพต่างหากล่ะ!

เคล็ดลับง่ายๆ ที่ฉันใช้เสมอคือการตั้งใจฟังเมื่อคู่สนทนาพูด ถามคำถามที่แสดงความสนใจในสิ่งที่เขาทำ และพยายามหาจุดร่วมหรือโอกาสในการช่วยเหลือกันและกัน ฉันเคยเจอคนที่ได้คุยกันสั้นๆ ในงาน แต่หลังจากนั้นเราก็มีการติดต่อพูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียกันต่อเนื่อง จนนำไปสู่โปรเจกต์ดีๆ ด้วยกันมาแล้ว มันแสดงให้เห็นว่าการสร้างความสัมพันธ์ที่จริงใจและมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้จากกันและกันนั้นสำคัญแค่ไหน อย่าลืมติดตามผลหลังงานด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการส่งอีเมลขอบคุณ หรือนัดหมายเพื่อพูดคุยเพิ่มเติม แค่นี้ก็ทำให้คอนเนกชันของเรามีค่ามากขึ้นเยอะเลยค่ะ

Advertisement

แนวโน้มอุตสาหกรรม MICE ไทยที่เติบโตไม่หยุด

แหล่งท่องเที่ยวและศูนย์ประชุมที่ได้มาตรฐานระดับโลก

ในฐานะคนไทย ฉันรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เห็นอุตสาหกรรม MICE ของบ้านเราเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมานะคะ ประเทศไทยเรามีศักยภาพที่โดดเด่นมากๆ ในการเป็นศูนย์กลางการจัดงานระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่จัดงานที่หลากหลาย ตั้งแต่ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ทันสมัย ไปจนถึงโรงแรมหรูหราที่มีห้องจัดเลี้ยงพร้อมสรรพ แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ให้ผู้เข้าร่วมงานได้พักผ่อนหย่อนใจหลังเลิกงานอีกด้วยค่ะ ฉันเองเคยพาทาร์ทเนอร์ต่างชาติไปเที่ยวหลังจบงาน เขาก็ประทับใจกับวัฒนธรรม อาหาร และการบริการที่เป็นมิตรมากๆ เลยนะ นี่แหละคือเสน่ห์ของไทยที่ดึงดูดนักธุรกิจและนักเดินทางจากทั่วโลกได้อยู่หมัด และทำให้ฉันเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรม MICE ของเราจะยังคงเป็นดาวเด่นในเวทีโลกต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ

โอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพไทย

ฉันมองว่าการเติบโตของอุตสาหกรรม MICE ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของโรงแรมหรือศูนย์ประชุมเท่านั้นนะ แต่ยังเป็นโอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย สตาร์ทอัพ และธุรกิจท้องถิ่นอีกมากมายเลยค่ะ เพราะเมื่อมีงานใหญ่ๆ เข้ามา ก็จะมีการใช้จ่ายที่หมุนเวียนไปในภาคส่วนต่างๆ ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม การเดินทาง ของที่ระลึก และบริการอื่นๆ อีกเพียบ ฉันเคยไปออกบูธในงานหนึ่ง แล้วก็ได้เจอสตาร์ทอัพไทยหลายรายที่ได้โอกาสนำเสนอสินค้าและบริการของตัวเองให้กับลูกค้าต่างชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในช่องทางปกติ ฉันรู้สึกดีใจแทนพวกเขาจริงๆ ที่ได้มีเวทีแสดงศักยภาพ และมีโอกาสขยายธุรกิจออกไปได้ไกลกว่าเดิม นี่คืออีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในประเทศเราอย่างต่อเนื่องเลยค่ะ

การนำเสนอเนื้อหาที่น่าสนใจและตอบโจทย์ธุรกิจปัจจุบัน

Advertisement

หัวข้อที่กำลังมาแรงและผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ

สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าการไปร่วมงานสัมมนาในยุคนี้คุ้มค่าสุดๆ ก็คือเนื้อหาที่เข้มข้นและตรงประเด็นกับความต้องการของโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วค่ะ ผู้จัดงานส่วนใหญ่จะพยายามคัดเลือกหัวข้อที่กำลังเป็นที่สนใจ หรือกำลังเป็นเทรนด์ที่ทุกคนต้องรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Digital Transformation, AI Ethics, Green Economy หรือแม้กระทั่งเรื่องของ Well-being ในองค์กร ฉันเคยได้ฟังบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศหลายท่านที่มาให้มุมมองใหม่ๆ จนฉันรู้สึกว่าได้เปิดโลกทัศน์และมีแรงบันดาลใจกลับไปพัฒนางานของตัวเองอยู่เสมอ การได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและความรู้ที่อัปเดตแบบเรียลไทม์จากผู้ที่อยู่ในวงการจริงๆ มันมีค่ามากกว่าการอ่านจากตำราไหนๆ เลยนะคะ ยิ่งไปกว่านั้นการได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับวิทยากรหลังจบเซสชันก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ และฉันเองก็มักจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์เสมอ

เวิร์กช็อปและกิจกรรมที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง

สิ่งที่ฉันรู้สึกว่าแตกต่างจากเมื่อก่อนมากๆ คือการที่งานสัมมนาไม่ได้มีแค่การนั่งฟังบรรยายอย่างเดียวแล้วค่ะ แต่มีการเพิ่มเวิร์กช็อปหรือกิจกรรมที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริงเข้ามาให้เราได้ทดลองทำ ฉันจำได้ว่าเคยเข้าร่วมเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการสร้างคอนเทนต์ดิจิทัล ที่ได้ลองใช้เครื่องมือใหม่ๆ และได้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญแบบใกล้ชิด มันทำให้ฉันเข้าใจหลักการและนำไปปรับใช้กับบล็อกของฉันได้จริงๆ การได้ลงมือทำเองมันทำให้ความรู้มันฝังแน่นกว่าแค่การฟังเยอะเลยนะคะ แถมยังได้มีโอกาสทำงานร่วมกับผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนไอเดียและมุมมองที่หลากหลาย ฉันว่านี่แหละคือการเรียนรู้ที่สนุกและได้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจริงๆ มันช่วยให้เราไม่รู้สึกเบื่อและได้ประโยชน์จากการเข้าร่วมงานแบบเต็มที่ ไม่ใช่แค่ได้ความรู้ แต่ยังได้ทักษะใหม่ๆ ติดตัวกลับไปด้วย

เมื่อธุรกิจไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่คือการร่วมมือกัน

สร้างโอกาสใหม่ๆ ผ่านการผนึกกำลัง

หลายครั้งที่ฉันได้เข้าร่วมงานประชุมสัมมนา ฉันมักจะเห็นภาพของการร่วมมือกันมากกว่าการแข่งขันอย่างดุเดือดเหมือนเมื่อก่อนนะคะ มันเหมือนกับว่าผู้ประกอบการหรือบริษัทต่างๆ เริ่มมองเห็นแล้วว่าการผนึกกำลังกันจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ที่ดีกว่าการต่างคนต่างทำ ฉันเคยเห็นสองบริษัทที่เป็นคู่แข่งกันในตลาด แต่กลับมาเปิดบูธข้างกันในงาน และแลกเปลี่ยนข้อมูลบางอย่างที่สามารถช่วยกันพัฒนานวัตกรรมได้ มันทำให้ฉันคิดว่าโลกธุรกิจในวันนี้เปิดกว้างและยืดหยุ่นกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ การที่ได้เห็นผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการมาพูดคุยแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์กันอย่างเปิดอกในงานต่างๆ มันเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันเชื่อว่าเราทุกคนสามารถเติบโตไปพร้อมกันได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเหยียบย่ำกัน สิ่งนี้แหละที่สร้างบรรยากาศที่ดีและกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อยู่เสมอ

Case Study: การร่วมมือที่ประสบความสำเร็จในไทย

โครงการ/งาน หน่วยงานที่ร่วมมือ ผลลัพธ์ที่โดดเด่น
Thailand MICE Week TCEB (สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ), สมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สร้างแพลตฟอร์มสำหรับผู้ประกอบการ MICE ในการแลกเปลี่ยนความรู้และจับคู่ธุรกิจ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ
Smart City Expo Thailand DEPA (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล), บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ, เมืองต่างๆ นำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชั่นเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะ สร้างโอกาสทางธุรกิจและลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
งานแสดงสินค้าเกษตรและอาหารนานาชาติ กระทรวงเกษตรฯ, สภาหอการค้า, ผู้ประกอบการ SMEs ส่งเสริมสินค้าเกษตรและอาหารไทยสู่ตลาดโลก สร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างผู้ผลิตและผู้ซื้อจากต่างประเทศ เพิ่มมูลค่าการส่งออก

อย่างที่เห็นจากตารางด้านบนเลยนะคะว่าการร่วมมือกันมันนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ฉันรู้สึกว่าประเทศไทยเรามีศักยภาพและมีตัวอย่างการผนึกกำลังที่ประสบความสำเร็จมากมาย การได้เห็นตัวอย่างเหล่านี้ทำให้ฉันมีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และมองหาโอกาสในการร่วมมือกับคนอื่นๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ การทำงานร่วมกันย่อมนำมาซึ่งประโยชน์ที่มากกว่าผลรวมของแต่ละส่วนเสมอค่ะ

เคล็ดลับคว้าประโยชน์สูงสุดจากงาน MICE ที่คุณห้ามพลาด!

วางแผนก่อนไป: ทำไมถึงสำคัญกว่าที่คิด?

เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่าการวางแผนก่อนไปร่วมงาน MICE นี่สำคัญมากๆ เลยนะ! ฉันเองเคยพลาดมาแล้วกับการเดินดุ่มๆ เข้างานโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ผลคือเดินวนไปมา เสียเวลาไปเปล่าๆ แถมไม่ได้อะไรกลับมาเลยค่ะ แต่พอฉันเริ่มวางแผนอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการดูตารางงานล่วงหน้า เลือกเซสชันที่สนใจเป็นพิเศษ ดูรายชื่อวิทยากรหรือบริษัทที่จะมาออกบูธ รวมถึงการตั้งเป้าหมายว่าอยากได้คอนเนกชันแบบไหนหรืออยากเรียนรู้อะไรเป็นพิเศษ มันทำให้การไปงานของฉันมีประสิทธิภาพขึ้นเป็นกองเลยค่ะ!

ฉันจะลิสต์ออกมาเลยว่าอยากเจอใครบ้าง อยากคุยเรื่องอะไร แล้วก็ทำนัดล่วงหน้า ถ้าทำได้นะ พอไปถึงงานจริงๆ เราก็จะตรงไปที่เป้าหมายได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก ฉันว่านี่แหละคือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้เราคว้าประโยชน์จากงานเหล่านี้ได้เต็มที่ที่สุด!

การติดตามผลหลังงาน: ต่อยอดคอนเนกชันและโอกาส

และสิ่งสุดท้ายที่ฉันอยากจะเน้นย้ำมากๆ เลยก็คือ การติดตามผลหลังงานค่ะ! หลายคนอาจจะคิดว่าจบงานแล้วก็จบกันไป แต่สำหรับฉันแล้ว นี่คือจุดเริ่มต้นของการต่อยอดโอกาสเลยนะ หลังเลิกงาน ฉันจะรีบส่งอีเมลขอบคุณคนที่ได้คุยด้วย หรือส่งข้อความผ่าน LinkedIn เพื่อเชื่อมต่อกันและทบทวนประเด็นที่ได้พูดคุยกันไป บางครั้งเราอาจจะนัดหมายเพื่อพูดคุยต่อยอดธุรกิจในโอกาสต่อไป การทำแบบนี้มันแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและความตั้งใจของเราค่ะ ฉันเคยได้รับงานจากคอนเนกชันที่สร้างไว้ในงานสัมมนามาแล้วก็หลายครั้งเลยนะ หรือได้แลกเปลี่ยนไอเดียที่ช่วยให้บล็อกของฉันเติบโตขึ้นได้อีกเยอะ การที่เราใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ จะช่วยเปลี่ยน “คนรู้จัก” ให้กลายเป็น “พันธมิตรทางธุรกิจ” ที่มีค่าของเราได้ในระยะยาวเลยค่ะ เชื่อฉันสิว่าการลงทุนลงแรงกับการติดตามผลนี้คุ้มค่าเกินกว่าที่คิดแน่นอน!

Advertisement

ส่งท้ายบทความ

เพื่อนๆ คะ หวังว่าบทความนี้จะช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรม MICE ในบ้านเรานะคะ ฉันเองก็รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ไปสัมผัสบรรยากาศเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยี ความยั่งยืน หรือการสร้างเครือข่าย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญมากๆ เลยค่ะ อย่ารอช้าที่จะออกไปคว้าโอกาสและประสบการณ์ดีๆ เหล่านี้ด้วยตัวเองนะคะ แล้วคุณจะรู้ว่าโลกธุรกิจมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะเลย!

เคล็ดลับดีๆ ที่ควรรู้

1. วางแผนล่วงหน้า: การศึกษาตารางงานและเลือกเซสชันที่ตรงกับความสนใจ จะช่วยให้คุณใช้เวลาในงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

2. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี: ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันของงาน ระบบลงทะเบียน หรือแพลตฟอร์มสร้างเครือข่าย ลองใช้ให้เต็มที่เพื่อเพิ่มความสะดวกและโอกาสใหม่ๆ

3. ใส่ใจเรื่องความยั่งยืน: สังเกตและสนับสนุนงานที่ให้ความสำคัญกับการรักษ์โลก เช่น การลดพลาสติก หรือการอุดหนุนสินค้าท้องถิ่น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่ดี

4. สร้างคอนเนกชันอย่างมีคุณภาพ: เน้นการสนทนาที่จริงใจ แลกเปลี่ยนความรู้ และติดตามผลหลังงาน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืน ไม่ใช่แค่แลกนามบัตรเท่านั้น

5. เปิดใจรับสิ่งใหม่: อุตสาหกรรม MICE พัฒนาไปเร็วมาก จงพร้อมที่จะเรียนรู้เทรนด์ใหม่ๆ และมองหาโอกาสในการร่วมมือกับผู้อื่นเสมอ

Advertisement

ประเด็นสำคัญสรุป

อุตสาหกรรม MICE ของไทยกำลังก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยการนำเทคโนโลยีมาสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ผสานกับแนวคิดความยั่งยืน และส่งเสริมการร่วมมือกันเป็นหัวใจสำคัญ การสร้างเครือข่ายอย่างมีคุณภาพและการวางแผนที่ดีคือกุญแจสู่การคว้าโอกาสทองจากงานเหล่านี้ เพื่อการเติบโตของธุรกิจและตัวคุณเองค่ะ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 📖

ถาม: ธุรกิจไทยจะใช้ประโยชน์จากงาน MICE เพื่อการเติบโตและสร้างเครือข่ายได้อย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด?

ตอบ: จากประสบการณ์ของฉันเลยนะ งาน MICE หรือธุรกิจไมซ์ (Meetings, Incentives, Conventions, Exhibitions) ไม่ใช่แค่การจัดงานใหญ่ๆ เท่านั้นค่ะ แต่มันคือแพลตฟอร์มทองคำที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและกระจายรายได้ไปสู่ธุรกิจหลากหลายประเภท ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ผู้จัดอีเวนต์ หรือแม้แต่ชุมชนท้องถิ่น สำหรับธุรกิจไทย ถ้าอยากใช้ประโยชน์จากตรงนี้ให้เต็มที่ สิ่งสำคัญที่ฉันอยากแนะนำคือ:เน้นการสร้างคอนเนกชันที่มีคุณภาพ: อย่าไปแค่แจกนามบัตรอย่างเดียวนะคะ แต่ให้ใช้โอกาสนี้พูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียอย่างจริงจัง มองหาพาร์ทเนอร์หรือลูกค้าที่มีวิสัยทัศน์ใกล้เคียงกัน จากที่ฉันเคยไปงานมาหลายครั้ง การได้นั่งคุยกับผู้บริหารตัวจริง หรือผู้เชี่ยวชาญในสายงานเดียวกัน มันเปิดโลกและได้แรงบันดาลใจกลับมาเยอะมากเลยค่ะ
นำเสนอเอกลักษณ์ไทย: ประเทศไทยเรามีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งวัฒนธรรม อาหาร หรือแม้แต่รอยยิ้มที่เป็นมิตร สิ่งเหล่านี้คือจุดแข็งที่เราสามารถนำเสนอให้กับนักเดินทางไมซ์จากต่างชาติได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานในธีมไทยๆ หรือนำเสนอสินค้าและบริการที่สะท้อนความเป็นไทยแท้ๆ ก็จะช่วยสร้างความประทับใจและจดจำได้ดีค่ะ
ใช้ประโยชน์จาก “ไมซ์ซิตี้”: ประเทศไทยมีการผลักดันเมืองไมซ์ในภูมิภาคต่างๆ เช่น กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต ซึ่งแต่ละเมืองก็มีจุดเด่นและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ธุรกิจสามารถเลือกเข้าร่วมหรือจัดงานในเมืองที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจและเข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้นนะคะ
วางแผนล่วงหน้าและติดตามผล: ก่อนไปงาน วางแผนเลยว่าอยากได้อะไรจากงานนี้ พอจบคอนเนกชันที่ได้มา ก็อย่าปล่อยทิ้งไว้ค่ะ ลองส่งอีเมลติดตามผล หรือนัดคุยเพิ่มเติม เพื่อสานสัมพันธ์ให้เป็นรูปธรรม ซึ่งตรงนี้สำคัญมากๆ ในการเปลี่ยนการพบปะแค่ครั้งเดียวให้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืน

ถาม: เทคโนโลยีดิจิทัลสุดล้ำอะไรบ้างที่กำลังพลิกโฉมงาน MICE ในประเทศไทย และธุรกิจจะปรับตัวและนำไปใช้ได้อย่างไร?

ตอบ: โห! เรื่องเทคโนโลยีนี่เป็นอะไรที่ฉันเองก็รู้สึกตื่นเต้นและเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดมากๆ เลยค่ะ ตอนนี้เทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงาน MICE ในไทยอย่างแยกไม่ออก เพื่อให้งานมีความสะดวกสบาย น่าสนใจ และสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าเดิมมากๆ ลองดูตามนี้เลยค่ะ:แพลตฟอร์มจัดการอีเวนต์อัจฉริยะ (Smart Event Platforms): ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มที่เข้ามาช่วยจัดการทุกอย่าง ตั้งแต่การลงทะเบียนออนไลน์ที่รวดเร็วทันใจ, การสร้างแอปพลิเคชันสำหรับงานโดยเฉพาะที่ให้ข้อมูลตารางงาน ลำโพง แผนที่, ไปจนถึงการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ที่แม่นยำด้วย AI ซึ่งฉันเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมงานเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น และผู้จัดงานก็บริหารจัดการได้มีประสิทธิภาพสุดๆ
เทคโนโลยีเสมือนจริง (VR/AR) และโลกเมตาเวิร์ส: งาน MICE เริ่มมีการนำ VR และ AR มาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เช่น การจัดแสดงสินค้าแบบเสมือนจริง การทัวร์สถานที่จัดงานแบบ 360 องศา หรือแม้กระทั่งการจำลองสภาพแวดล้อมที่น่าสนใจ ซึ่งช่วยดึงดูดผู้เข้าร่วมงานและสร้างความประทับใจได้มากๆ เลยค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น บางงานยังเริ่มใช้แนวคิดของ Metaverse ในการสร้างพื้นที่เสมือนจริงให้ผู้คนจากทั่วโลกได้เข้ามาเชื่อมต่อและทำกิจกรรมร่วมกัน
การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics): อันนี้เป็นหัวใจสำคัญเลยนะ!
TCEB (สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ) เองก็ผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ด้วยการเปิดตัว “MICE Data Platform” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมไมซ์ ทำให้ผู้ประกอบการเข้าใจพฤติกรรมผู้เข้าร่วมงาน เทรนด์ตลาด และสามารถวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำขึ้นมากๆ ค่ะ สำหรับธุรกิจต่างๆ ก็ควรเริ่มเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลของตัวเอง เพื่อนำมาปรับปรุงงานและบริการให้โดนใจกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
ระบบชำระเงินดิจิทัลและ Contactless: เพื่อความสะดวกและปลอดภัย การใช้ระบบชำระเงินแบบไร้สัมผัส หรือผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ก็กลายเป็นมาตรฐานไปแล้วค่ะ นอกจากจะช่วยลดขั้นตอนแล้ว ยังช่วยให้การทำธุรกรรมรวดเร็วขึ้นด้วยเคล็ดลับที่ฉันอยากบอกต่อคือ อย่ากลัวที่จะลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ นะคะ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่ตอบโจทย์ปัญหาที่เราเจอจริงๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ขยายผลไป เพื่อให้งาน MICE ของเรา “สมาร์ท” และน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ

ถาม: ปัจจุบันการผนวกเรื่องความยั่งยืนเข้ากับงาน MICE ในประเทศไทยมีความสำคัญอย่างไร และธุรกิจจะนำแนวคิดนี้ไปปฏิบัติจริงได้อย่างไร?

ตอบ: เรื่องความยั่งยืนนี่เป็นสิ่งที่ฉันให้ความสำคัญมากๆ เลยค่ะเพื่อนๆ เพราะมันไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นความรับผิดชอบที่ทุกองค์กรควรมีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในอุตสาหกรรม MICE ของไทย ตอนนี้เรื่องความยั่งยืนถูกยกให้เป็นวาระสำคัญมากๆ เลยนะ จากที่ฉันสังเกตมา มันมีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้เรื่องนี้สำคัญสุดๆ:สร้างภาพลักษณ์ที่ดีและยั่งยืน: ผู้เข้าร่วมงานและนักเดินทางไมซ์ในปัจจุบันมีความคาดหวังสูงขึ้นที่จะเห็นงานที่จัดขึ้นโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม การจัดงานที่ยั่งยืนจึงเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ สถานที่จัดงาน และแม้กระทั่งประเทศไทยเองในเวทีโลกค่ะ
ตอบสนองนโยบายภาครัฐ: TCEB ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมไมซ์ ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มานานแล้ว มีการจัดทำมาตรฐานการบริหารจัดการงานอย่างยั่งยืนของประเทศไทย (TSEMS) และผลักดันนโยบายที่สอดรับกับ BCG Model ของรัฐบาลด้วย ดังนั้น การทำตามแนวทางเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นและมีประโยชน์ต่อธุรกิจในระยะยาว
ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างคุณค่าให้ชุมชน: อุตสาหกรรมไมซ์มีการใช้ทรัพยากรจำนวนมาก การใส่ใจเรื่องความยั่งยืนจะช่วยลดการใช้ทรัพยากร ลดขยะ และลดมลพิษ เช่น การเลือกใช้วัสดุรีไซเคิล การลดการใช้พลาสติก หรือการจัดการเศษอาหารอย่างถูกวิธี ที่สำคัญคือ เรายังสามารถสร้างประโยชน์กลับคืนสู่ชุมชนได้ด้วยนะ อย่างเช่น การจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการจากชุมชนท้องถิ่น การเปิดโอกาสให้คนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมสร้างรายได้ หรือการบริจาคอาหารที่เหลือจากการจัดงานให้กับผู้ด้อยโอกาส ซึ่งฉันเห็นมาด้วยตัวเองแล้วว่ามันสร้างคุณค่าและความสุขได้จริงๆ ค่ะแล้วธุรกิจจะนำแนวคิดนี้ไปปฏิบัติจริงได้อย่างไรบ้าง?
เลือกสถานที่จัดงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ปัจจุบันมีหลายสถานที่ในไทยที่ได้รับการรับรองด้านความยั่งยืน หรือมีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ที่เสนอบริการและอุปกรณ์สำหรับการจัดงานอย่างยั่งยืน
วางแผนตั้งแต่ต้นจนจบ: การจัดงานที่ยั่งยืนต้องคิดตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการวางแผนงาน ระหว่างจัดงาน และแม้กระทั่งหลังงานจบ ทั้งเรื่องการเลือกใช้วัสดุ อาหาร การจัดการของเสีย และการขนส่ง
โปรโมทเรื่องความยั่งยืนในงาน: สื่อสารให้ผู้เข้าร่วมงานรับทราบถึงความพยายามของเราในการจัดงานที่ยั่งยืน เพื่อสร้างความเข้าใจและกระตุ้นให้พวกเขามีส่วนร่วมด้วย
สนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการท้องถิ่น: การจัดซื้อจัดจ้างจากชุมชนไม่เพียงแต่ช่วยกระจายรายได้ แต่ยังเป็นการลดการขนส่งและลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้อีกทางหนึ่งด้วยค่ะฉันเชื่อว่าการรวมเอาความยั่งยืนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงาน MICE ไม่ใช่แค่เรื่องของ “หน้าที่” แต่เป็น “โอกาส” ที่จะทำให้ธุรกิจของเราเติบโตไปพร้อมกับการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับโลกใบนี้อย่างแท้จริงนะคะ!

📚 อ้างอิง